วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

4.  การบริหารจัดการการขาย

ในตลาดโลก ดั๊บเบิ้ล เอ เลือกการสื่อสารด้านคุณภาพผ่านช่องทางงานโฆษณาเป็นหลัก แต่ในด้านการประชาสัมพันธ์ ดั๊บเบิ้ล เอ เลือกที่จะสื่อสารให้ทั่วโลกได้รู้จักดั๊บเบิ้ล เอ ในฐานะกระดาษที่ผลิตจากต้นกระดาษที่เกษตรกรปลูกบนคันนา หรือคอนเซ็ปต์ที่เราสื่อสารออกไปทั่วโลกว่า“Paper from Farmed Tree” ซึ่งจุดแข็งของดั๊บเบิ้ล- เอ ในประเด็นนี้นับเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่คู่แข่งทั่วโลกยังไม่มีใครตามทัน
          นายชาญวิทย์ กล่าวเสริมว่า ดั๊บเบิ้ล เอ เชิญสื่อมวลชนจากหลาย ๆ ประเทศให้เดินทางมาประเทศไทย เพื่อรู้จักกับที่มาของดั๊บเบิ้ล เอ ได้พูดคุยกับเกษตรกรไทย เห็นต้นกระดาษจริงที่เกษตรกรไทยปลูกบนคันนา เขาชื่นชมเรามาก ว่าเราคิดไว้อย่างรอบคอบมาก เราทำให้ที่ดินบนคันนาที่เคยทิ้งว่างเปล่า กลายเป็นพื้นที่ช่วยแก้โลกร้อน ช่วยเพิ่มคุณค่าทางเศรษฐกิจให้ชาวนา น้ำใช้เราก็ยังใช้วิธีขุดอ่างน้ำและเก็บกักน้ำฝนน้ำหลากไว้ใช้เอง ใช้แล้วก็ยังไม่ทิ้ง ยังนำกลับไปใช้หมุนเวียนอีก เศษไม้ เปลือกไม้เราก็ไม่ทิ้ง เอามาผลิตไฟฟ้าอีก เราจึงเป็นทางเลือกของผู้บริโภคแบบ Two in one คือ ได้ทั้งคุณภาพ และช่วยสิ่งแวดล้อมด้วย


3.  ความสะดวกในการซื้อ



        บริษัทดับเบิ้ลเอ มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ ดังนั้นบริษัทดับเบิ้ลเอได้มีบริการใหม่ ๆ ที่เพิ่มความสะดวกและประหยัดเวลามากที่สุดให้กับลูกค้าในการสั่งซื้อกระดาษด้วยบริการแบบเดลิเวอรี่ ผ่าน 1759 ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อทำให้ ดั๊บเบิ้ล เอ มี ผลิตภัณฑ์พร้อมอยู่ในทุก ๆ ที่ ที่ผู้บริโภคมีความต้องการ 
       นอกจากนี้ บริษัทดับเบิ้ลเอ ได้พัฒนา Website ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยปรับปรุงเป็น E-Commerce เต็มรูปแบบ ภายใต้ชื่อ www.Double A OfficeSupplies.com เพื่ออำนวยความสะดวกในการเลือกชมเลือกซื้อสินค้าของท่านผ่านทาง Website และระบบชำระเงิน Online และที่พิเศษยิ่งขึ้นสำหรับท่านลูกค้าที่ดำเนินธุรกิจองค์กร เราได้เสริมระบบ "ProcureSmart" ซึ่งเป็นบริการที่ช่วยให้ท่านสามารถบริหารการจัดซื้อภายในองค์กรของท่านได้อย่างไม่ยุ่งยาก รวมทั้งยังสามารถตรวจสอบ และควบคุมค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าของบริษัทท่านได้อีกด้วย
         ดั๊บเบิ้ล เอ สเตชั่นเนอรี่ หรือร้านเครื่องเขียนคุณภาพ เพื่อให้ร้านเครื่องเขียนในท้องตลาดที่อยู่ในภาวะที่ต้องแข่งขันกับห้างดิสเคาน์สโตร์ และห้างสรรพสินค้า เพราะรูปแบบร้านใหม่นี้จะจัดวางสินค้าแบบมีระบบ เลือกซื้อได้ง่าย
2. ความน่าเชื่อถือของตราสินค้า





      ดั๊บเบิ้ล เอ เป็นแบรนด์ กระดาษ เป็นรายแรกดั๊บเบิ้ล เอ เป็นผู้นำตลาดในอุตสาหกรรมกระดาษ ที่รู้จักทั่วโลกและได้รับการยอม รับอย่างมาก กระดาษมีคุณภาพสูง จากการคัดเลือกวัตถุดิบและการผลิตกระดาษ ได้มาตรฐาน ซึ่งสามารถตอบสนองและสร้างความพึงพอใจต่อผู้บริโภค เป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้าไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนักศึกษาจนกระทั่งคนทำงาน ถ้าพูดถึงกระดาษต้องนึกถึงดับเบิ้ลเอ มีตราสินค้าที่จำง่ายและดึงดูดความสนใจลูกค้า และกระดาษมีคุณภาพอย่างที่ได้กล่าวไว้ จึงเป็นที่น่าเชื่อถือของกลุ่มลูกค้า
1. คุณภาพของสินค้า
      



           ดั๊บเบิ้ล เอ เป็น กระดาษ คุณภาพ ระดับ Premium จากไม้ปลูกของเกษตรกรไทย สำหรับผู้ใช้ทั่วโลก เนื้อกระดาษ ดั๊บเบิ้ล เอ มีลักษณะเรียบลื่น ด้วยกระดาษที่ขาว เรียบเนียน ถ่ายเอกสารไม่ติดเครื่องและมาตรฐานการผลิตที่ได้คุณภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีคุณภาพสูงกว่ากระดาษทั่วไป ซึ่งคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ บรรจุในบรรจุภัณฑ์ป้องกันความชื้น ทำให้สามารถใช้งานได้ดีกับอุปกรณ์พิมพ์ในสำนักงานทุกชนิด เหมาะสำหรับทั้งงานสีและขาวดำ ขนาดมาตรฐาน กระดาษ A3, กระดาษ A4,กระดาษ A11 , กระดาษ B4, กระดาษ B5 และ กระดาษ F14 ให้คุณได้เลือกสรรตามการใช้งาน ทั้งงานพิมพ์ งานถ่ายเอกสารเพื่องานพิมพ์คุณภาพ คมชัด  
ประวัติ บริษัท ดับเบิ้ลเอ

   
      บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัท ตั้งแต่ 8 สิงหาคม2534 โดยประกอบธุรกิจหลักประเภทผู้ผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษและกระดาษพิมพ์เขีย  และได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2537 และจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อจากบริษัท แอ๊ดวานซ์ อะโกร จำกัด (มหาชน) เป็น บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2553 ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนเป็น 6,300,000,000 บาท และทุนชำระแล้วเป็น 5,323,831,080 บาท
   ในปี 2541 
ได้จัดตั้ง บริษัท เอ.เอ.พัลพ์ มิลล์ 2 จำกัด เพื่อประกอบกิจการประเภทผลิตเยื่อกระดาษ จากไม้ยูคาลิปตัส มีกำลังผลิตประมาณ 252,000 ตันต่อปี และเป็นผู้ขายเยื่อกระดาษทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งได้ส่งออกเยื่อกระดาษสู่ประเทศต่าง ๆ เช่น จีน เกาหลี และออสเตรเลีย เป็นต้น

    ในปี 2545 
ได้จัดตั้ง บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ ก๊อปปี้ เซ็นเตอร์ จำกัด ขึ้นเพื่อจัดทำโครงการ Double A Copy Center อย่างเต็มรูปแบบ และขยายฐานการใช้กระดาษ สู่ผู้ค้ารายย่อยด้วยอีกทางหนึ่ง โดยมีการจัดการโครงการร่วมกับศูนย์ถ่ายเอกสารรายย่อย และมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ โครงการดังกล่าวอย่างแพร่หลาย ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการศูนย์ถ่ายเอกสารรายย่อย และประชาชนทั่วไปในการเข้าร่วมโครงการเป็นอย่างมาก
ในปี 2546 
      ได้จัดตั้ง บริษัท เอ เอ เปเปอร์ แอนด์ สเตชั่นเนอรี่ จำกัด เพื่อดูแลและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระดาษ เครื่องเขียน ให้กับกลุ่มลูกค้าในประเทศ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมและส่งเสริมการขาย เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด และพัฒนาการจัดจำหน่ายให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคอย่างทั่วถึง
ในปี 2547 
      ได้จัดตั้ง บริษัท 99 กรุ๊ป เทรดดิ้ง เซ็นเตอร์ จำกัด เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายกระดาษพิมพ์เขียนในประเทศ ซึ่งปรากฏว่าทำให้ยอดขายกระดาษในประเทศปี 2548 สูงขึ้นกว่าปี 2547 อย่างเห็นได้ชัด
ในปี 2548 
      ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 2/2548 มีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าซื้อสินทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทย่อยบริษัทหนึ่ง คือ บริษัท เอ.เอ.พัลพ์ มิลล์ 2 จำกัด ซึ่งฝ่ายจัดการได้ดำเนินการซื้อขายตามมติดังกล่าวแล้ว โดยมีการโอนทรัพย์สินแล้วเสร็จ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2549
       นอกจากนี้ ในปี 2548 บริษัท แอ๊ดวานซ์ อะโกร โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยได้มีการต่อสัญญาร่วมทุนโครงการหินปูนสังเคราะห์ (PCC)

ในปี 2549
    ได้มีการจัดตั้ง บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ เปเปอร์ จำกัด ขึ้นมา (ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท แอ๊ดวานซ์เปเปอร์ มิลล์ 3 จำกัด) เพื่อทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งโรงงานผลิตกระดาษพิมพ์เขียน
ในปี 2550 
     ได้มีการจัดตั้ง บริษัท ไอน้ำชีวมวล จำกัด ขึ้นมาเพื่อรองรับโครงการเพิ่มผลผลิตไอน้ำและจัดตั้งบริษัท ดี เอ แพกเกจจิ้ง จำกัด ขึ้นมาเพื่อรองรับการผลิตอุตสาหกรรมกล่องกระดาษ
ในปี 2552 
     ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2552 มีมติอนุมัติให้ดำเนินการปรับโครงสร้างบริษัท โดยการรับโอนทรัพย์สิน และเลิกบริษัทย่อย จำนวน 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ อินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส จำกัด บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ ก๊อปปี้ เซ็นเตอร์ จำกัด บริษัท เอ เอ คอร์ จำกัด และ บริษัท แอ๊ดวานซ์เปเปอร์ จำกัด ซึ่งหลังจากโอนทรัพย์สินแล้ว บริษัทดังกล่าวก็ได้มีการเลิกกิจการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 
        บริษัท ไอน้ำชีวมวล จำกัด ได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีไปเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2552
 ในปี 2553 
      บริษัทได้ลงทุนเพิ่มเติมในบริษัท แอ๊ดวานซ์ เปเปอร์ มิลล์ 3 จำกัดโดยมีจำนวนหุ้นทั้งสิ้นคิดเป็นจำนวน 71.43% ของหุ้นทั้งหมด เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2553 และบริษัทได้ดำเนินการซื้อหุ้นของบริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด จากผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 13.71% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2553